วันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2553

มีดโบวี่ ( Bowie Knife)นักสู้แห่งแอละโม (Alamo)

'คาสิโน......'มีดโบวีมีความยาว ๑๐-๑๕ นิ้ว ด้ามทำด้วยเขาสัตว์ ปลายใบมีดโค้งกว่ามีดทั่วไป ระหว่างใบมีดกับด้ามมีกะบังกั้นไม่ให้มือลื่นจากด้ามจับไปโดนใบมีด หลังจากมีดโบวีได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในสหรัฐอเมริกา โรงงานหลายแห่งในอังกฤษก็ได้เร่งผลิตมีดแบบนี้ออกมาขายให้ชาวอเมริกันตามชายแดนเป็นจำนวนมาก'' นี่คือคำจำกัดความของมีโบวี..

มีดโบวี่ ( Bowie Knife) มีดโบวี่เล่มแรกของโลกกำเนิดมาจากการออกแบบของ Rezin P. Bowie ถูกออกแบบมาสำหรับ ล่าสัตว์ และต่อสู้ โดยมีลักษณะคล้ายมีดทำครัว ส่วนมีดโบวี่ที่เราคุ้นเคย (S Guard Bowie) เป็นแบบของ James "Jim" Bowie ซึ่งโด่งดังมาจากAlamo war...................คาสิโน

ชีวประวัติของ จิม โบวี อีกทีหนึ่งครับ...โดยละเอียด..................คาสิโน
Bowie, James (1796?-1836): พันเอก เจมส์ โบวี (พ.ศ.2339?-2379)
พันเอก เจมส์หรือจิม โบวี เป็นนักผจญภัย นักบุกเบิก นักสู้ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของภาคใต้ และวีรบุรุษอเมริกันในสงครามปฏิวัติเทกซัส (Texas Revolution: ค.ศ.1835-1836) วีรกรรมครั้งสำคัญของเขาคือการต่อสู้ป้องกันป้อมแอละโม (Alamo)* จากกองทัพเม็กซิโกในยุทธการที่แอละโม (Battle of the Alamo) ซึ่งแม้จะพ่ายแพ้แก่เม็กซิโกแต่เหตุการณ์นี้ก็นำไปสู่การได้เอกราชของเทกซัส
โบวีเกิดที่โลแกนเคาน์ตี (Logan County) มลรัฐจอร์เจีย (Georgia) หรือที่เบิร์กเคาน์ตี (Burke County) มลรัฐเคนตักกี (Kentucky) ใน ค.ศ.1796 หรือ ค.ศ.1799 ในเวลานั้นบิดาของเขาคือรีซัน หรือเรซิน โบวี (Reason/ Rezin Bowie) กับมารดาคือ เอลฟ์ แอป-เคตสบี โจนส์ โบวี (Elve Ap-Catesby Jones Bowie) ทำนาและโรงสีข้าวโดยมีทาสช่วยงาน 8 คน ต่อมาใน ค.ศ.1800 ขณะที่โบวียังเด็กครอบครัวของเขาอพยพไปอยู่ในดินแดนมิสซูรี (Missouri Territory) นาน 2 ปี จากนั้นจึงไปตั้งรกรากในดินแดนลุยเซียนา (Louisiana Territory) โบวีกับน้องชาย 3 คนชื่อจอห์น สตีเฟน และ เรซิน จึงใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในวัยเด็กจนโตเป็นหนุ่มที่นี่ โบวีผู้พ่อมีทาสถึง 20 คนซึ่งนับว่ามากที่สุดในแถบนั้น ประมาณ ค.ศ.1809 ตระกูลโบวีอพยพไปอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของดินแดนลุยเซียนา ที่โบวีผู้พ่อซื้อที่ดิน 640 เอเคอร์ไว้เลี้ยงสัตว์และปลูกฝ้ายกับอ้อย โบวีเริ่มมีชื่อเสียงในเรื่องความบ้าบิ่นมุทะลุ และความสามารถในการขี่จระเข้ การล่าหมีและควายป่า และการจับม้าป่ามาฝึกให้เชื่อง เมื่อโบวีอายุได้ 18 ปีก็ออกจากบ้านไปทำมาหากินเลี้ยงตัวเองด้วยการเลื่อยไม้ แล้วล่องไปขายที่เมืองนิวออร์ลีนส์ (New Orleans) ในลุยเซียนาซึ่งขณะนั้นได้รับการสถาปนาเป็นมลรัฐแล้ว

โบวีกับเรซินสมัครเป็นทหารเข้าร่วมรบในสงคราม ค.ศ.1812 (War of 1812) ระหว่างสหรัฐอเมริกากับอังกฤษซึ่งอังกฤษเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างยับเยินที่เมืองนิวออร์ลีนส์ และต่อมาใน ค.ศ.1815 สองพี่น้องก็เดินทางไปสมทบกับกองกำลังของแอนดรูว์ แจ๊กสัน (Andrew Jackson) ซึ่งกำลังรบกับอังกฤษที่เมืองนิวออร์ลีนส์ แต่สงครามสงบลงก่อนที่ทั้งสองจะเดินทางไปถึง หลังสงครามโบวีกับน้องชายชื่อจอห์นและเรซินร่วมกันทำธุรกิจซื้อขายทาสกับโจรสลัดชื่อชอง ลัฟฟีต (Jean Laffite) โจรสลัดผู้นี้คอยดักปล้นเรือขนทาสในทะเลแคริบเบียน (Caribbean Sea) และอ่าวเม็กซิโก (Gulf of Mexico) แล้วใช้เกาะกัลเวสตัน (Galveston Island) เป็นตลาดค้าทาส ลัฟฟีตจะนำทาสไปส่งให้โบวีที่เกาะแห่งหนึ่งในอ่าวเวอร์มิเลียน (Vermilion Bay) จากนั้นโบวีกับน้องชายจะลักลอบนำทาสเข้าไปขายที่ลุยเซียนา เนื่องจากในสมัยนั้นการนำทาสเข้าไปขายในสหรัฐอเมริกาเป็นเรื่องผิดกฎหมาย แม้ว่าการมีทาสจะยังถูกกฎหมายอยู่ โบวีจึงใช้วิธีไปแจ้งกับทางการว่าจะมีการลักลอบนำทาสเข้าไปขายในมลรัฐนี้ โดยเขาจะได้เงินรางวัลจากการนำจับเป็นเงินครึ่งหนึ่งของเงินที่ได้จากการขายทาสทอดตลาดซึ่งเขาและน้องชายจะเป็นผู้ไปประมูลซื้อมา จากนั้นก็จะขายทาสไปโดยไม่ผิดกฎหมาย และยังได้กำไรอีกทอดหนึ่ง สามพี่น้องซื้อขายทาสอยู่ 3 ปีจึงเลิกอาชีพนี้ หลังจากเก็บเงินได้ประมาณ ๖๕,๐๐๐ เหรียญ จากนั้นในช่วงทศวรรษที่ 1820 โบวีกับเรซินร่วมกันซื้อที่ดินเนื้อที่ประมาณ 4,550 ไร่ในมลรัฐลุยเซียนา เพื่อทำไร่อ้อยชื่ออาร์คาเดีย (Arcadia) โดยสร้างโรงน้ำตาลพลังไอน้ำแห่งแรกของมลรัฐลุยเซียนาที่ไร่แห่งนี้ด้วย โบวีอยู่ที่ไร่อาร์คาเดียน้อยมาก เพราะในช่วงนั้นเขาได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติของมลรัฐลุยเซียนา จึงใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในวงสังคมของเมืองนิวออร์ลีนส์ นอกจากนี้ยังทำธุรกิจซื้อขายที่ดินในดินแดนอาร์คันซอ (Arkansas Territory) ร่วมกับน้องชายอีกคนหนึ่งด้วย
โบวีมีศัตรูหลายคน ใน ค.ศ.1826 เขาถูกนอร์ริส ไรต์ (Norris Wright) ยิงที่เมืองอะเล็กซานเดรีย................คาสิโน....(Alexandria) แต่กระสุนพลาดไป หลังเหตุการณ์ครั้งนั้นเรซินมอบมีดล่าสัตว์ขนาดใหญ่ที่เขาเป็นผู้ออกแบบและสั่งทำเป็นพิเศษให้โบวีพกติดตัว ต่อมาใน ค.ศ.1827 โบวีก็ได้ร่วมต่อสู้ที่สันทรายในแม่น้ำมิสซิสซิปปีตรงข้ามกับเมืองนัตเชซ์ (Natchez) ในการต่อสู้ครั้งนี้โบวีใช้มีดล่าสัตว์ที่เรซินให้แทงไรต์คู่ปรับเก่าเสียชีวิตและยังแทงอัลเฟรด แบลนชาร์ด (Alfred Blanchard) ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทั้งๆ ที่ตัวเขาเองก็ถูกพี่น้องตระกูลแบลนชาร์ดยิงที่ชายโครงและรุมแทงจนได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน ผู้เห็นเหตุการณ์จึงยกย่องให้โบวีเป็นมือมีดที่น่ากลัวที่สุดของภาคใต้ และพากันไปสั่งทำมีดแบบเดียวกันนี้ซึ่งได้ชื่อว่ามีดโบวี (Bowie knife) ตามชื่อของเขา

ในสายตาของเพื่อนฝูงโบวีเป็นสุภาพบุรุษ เป็นคนสนุกสนาน กล้าหาญ รักการผจญภัย และใจกว้าง ขณะเดียวกันก็มีความทะเยอทะยาน เป็นนักวางแผน กล้าได้กล้าเสีย แต่ติดการพนันจึงมักเป็นหนี้เป็นสินตลอดเวลา โบวีเดินทางไปเทกซัสประมาณ ค.ศ.1828 หลังจากฆ่าชายคนหนึ่งตายในการต่อสู้ เขาไปอยู่ที่เมืองเบซาร์ (Bexar) ซึ่งปัจจุบันคือเมืองซานอันโตนิโอ (San Antonio) และผูกมิตรกับรองผู้ว่าราชการของรัฐโกอะวีลาและเทกซัส (Coahuila y Mexico) ของเม็กซิโกชื่อฮวน มาร์ติน เด เวราเมนดี (Juan Martin de Veramendi) ต่อมาเมื่อโบวีเดินทางไปเมืองซัลติโย (Saltillo) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐโกอะวีลาและเทกซัสในเวลานั้น เขาก็ได้ข่าวว่ากฎหมายเม็กซิโกฉบับ ค.ศ.1828 ให้ราษฎรเม็กซิโกทุกคนมีสิทธิซื้อที่ดินจำนวน 123,193.7 ไร่ได้ในราคาตั้งแต่ 100-250 เหรียญสหรัฐ เขาจึงชักชวนให้ชาวเม็กซิโกขออนุญาตซื้อที่ดินจากรัฐบาลเม็กซิโกแล้วนำใบอนุญาตมาขายต่อให้เขา เมื่อโบวีเดินทางออกจากเมืองนี้เขามีใบอนุญาตซื้อที่ดินอยู่ในมือถึง 15 หรือ 16 ใบ จากนั้นเขาจึงเริ่มทำธุรกิจซื้อขายที่ดินในเทกซัส การกระทำของโบวีทำให้สตีเฟน ฟุลเลอร์ ออสติน (Stephen Fuller Austin)* ผู้ก่อตั้งอาณานิคมของชาวอเมริกันเชื้อสายอังกฤษในดินแดนเทกซัสไม่พอใจ จึงลังเลที่จะอนุญาตให้โบวีตั้งรกรากในอาณานิคมของเขา แต่ก็ยินยอมในที่สุด
ขณะอยู่ที่เมืองซานอันโตนิโอโบวีทำตัวเป็นคนมีฐานะ และตีสนิทกับครอบครัวเวราเมนดีที่มั่งคั่ง เขาหันไปนับถือนิกายโรมันคาทอลิกด้วยความสนับสนุนของครอบครัวนี้ ใน ค.ศ.1830 โบวีเดินทางไปเมืองซัลติโยกับครอบครัวเวราเมนดีเพื่อขอเป็นราษฎรเม็กซิโก และได้รับอนุมัติจากรัฐบาลเม็กซิโกโดยมีเงื่อนไขว่าเขาจะต้องสร้างโรงงานทอผ้าในรัฐโกอะวีลา โบวีจึงขอซื้อโรงงานทอผ้าต่อจากเพื่อนคนหนึ่งเป็นเงิน 20,000 เหรียญสหรัฐ จากนั้นใน ค.ศ.1831 เขาก็ได้แต่งงานกับลูกสาวคนหนึ่งของเวราเมนดีชื่อเออร์ซูลา เด เวราเมนดี (Ursula de Veramendi) ทำให้เขากลายเป็นชาวอเมริกันในรัฐนี้ที่ได้รับความไว้วางใจจากชาวเม็กซิโกมากที่สุด หลังแต่งงานโบวีพาเจ้าสาวของเขาไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ที่เมืองนิวออร์ลีนส์ แล้วกลับมาตั้งรกรากที่เมืองซานอันโตนิโอ ในปีเดียวกันนั้นโบวีกับเรซินเดินทางไปสำรวจหาเหมืองเงินแห่งเมืองซานซาบา (San Saba) ในตำนานของชาวเม็กซิโก โดยได้รับอนุญาตจากทางการเม็กซิโกและได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากเวราเมนดี คณะของโบวีถูกพวกอินเดียนแดงโจมตีทำให้คนของเขาตายไป 1 คน และบาดเจ็บสาหัสอีกหลายคน โบวีจึงต้องเดินทางกลับเมืองซานอันโตนิโอ ใน ค.ศ.1833 เกิดอหิวาตกโรคระบาดครั้งใหญ่ในรัฐโกอะวีลาและเทกซัส เป็นเหตุให้ลูกเมียของโบวีกับพ่อแม่ของเธอเสียชีวิตที่เมืองมอนโคลวา (Monclova) ซึ่งเพิ่งได้รับเลือกให้เป็นเมืองหลวงใหม่ของรัฐโกอะวีลาและเทกซัสแทนเมืองซัลติโย โบวีเองรอดชีวิตเพราะขณะนั้นเขาไปทำธุระที่เมืองนัตเชซ์คาสิโน

โบวีเป็นหนึ่งในนักผจญภัยชาวอเมริกันที่มาตั้งรกรากในเทกซัส ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนรัฐบาลเม็กซิโกต้องออกกฎหมายกีดกันไม่ให้ชาวอเมริกันที่อพยพมาใหม่ตั้งรกรากในเทกซัสตั้งแต่ ค.ศ.1830 ต่อมาใน ค.ศ.1833 ชาวอเมริกันที่อยู่ในเทกซัสขอให้รัฐบาลเม็กซิโกแยกเทกซัสออกจากรัฐโกอะวีลาเพื่อให้ชาวเทกซัสมีอำนาจในการปกครองตนเอง แต่รัฐบาลเม็กซิโกปฏิเสธ ในค.ศ.1835 ประธานาธิบดีเม็กซิโกชื่ออันโตนิโอ เด ซานตา อันนา (Antonio de Santa Anna) ริดรอนสิทธิหลายประการของชาวเทกซัสที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญเม็กซิโกฉบับ ค.ศ.1824 ชาวเทกซัสจึงผนึกกำลังกันปฏิวัติรัฐบาลเม็กซิโกเพื่อแยกตัวเป็นอิสระในปีเดียวกันนั้น ต่อมาใน ค.ศ. 1836 นายพลซานตา อันนาจึงส่งกองทัพเข้าไปในเทกซัส ทำให้เกิดการสู้รบระหว่างกองทัพเม็กซิโกและชาวเทกซัส โบวีเข้าร่วมขบวนการปฏิวัติเทกซัสครั้งนี้ด้วยโดยมีตำแหน่งเป็นนายพันเอกแห่งกองทัพเทกซัส เขามีบทบาทโดดเด่นในการต่อสู้กับทหารเม็กซิโกหลายครั้ง ครั้งสำคัญที่สุดคือการต่อสู้เพื่อป้องกันป้อมแอละโมที่เมืองซานอันโตนิโอ โดยในครั้งนั้นนายพลแซมวล ยูสตัน (General Samuel Houston) ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพเทกซัส ส่งโบวีกับทหารอาสา 30 คนไปช่วยพันเอกเจมส์ นีล (Col. James Neill) ทำลายและอพยพคนออกจากป้อมแอละโม เนื่องจากเห็นว่าป้อมแห่งนี้ไม่แข็งแรงพอที่จะต้านทานกองทัพเม็กซิโกได้ แต่โบวีกลับขัดคำสั่งของยูสตันและตัดสินใจต่อสู้ป้องกันป้อมแห่งนี้ ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1836 เขาส่งจดหมายไปขอความเหลือจากผู้ว่าราชการเฮนรี สมิท (Henry Smith) โดยแสดงความเห็นว่าเทกซัสจะรอดจากเงื้อมมือศัตรูได้หากรักษาป้อมแอละโมไว้ได้ พร้อมกับย้ำว่าเขากับพันเอกนีลยอมตายมากกว่ายอมแพ้ วันรุ่งขึ้น พันเอกวิลเลียม บาร์เรต ทราวิส (Col. William Barret Travis) พร้อมกับทหารอาสา 30 คน ก็เดินทางมาถึงป้อมแอละโม ตามมาด้วยเดวี (Davy) หรือ เดวิด ครอกเกตต์ (David Crockett)* เสือพรานผู้มีชื่อเสียงจากมลรัฐเทนเนสซี (Tennessee) กับทหารอาสา 12 คน ระหว่างงานเลี้ยงต้อนรับครอกเกตต์ พันเอกนีลขอวางมือจากการบัญชาการรบ และแต่งตั้งพันเอกทราวิสให้ทำหน้าที่นี้แทน แต่ทหารอาสาในป้อมแอละโมส่วนใหญ่พร้อมใจกันเลือกโบวี เพราะเห็นว่าทราวิสซึ่งมีอายุเพียง 26 ปี ยังมีอาวุโสน้อยเกินไป อย่างไรก็ตามโบวียินยอมให้ทราวิสมีอำนาจในการบัญชาการรบเท่ากับเขา และต่อมาเมื่อโบวีล้มป่วยด้วยโรคนิวมอเนียหรือวัณโรคจนต้องนอนแซ่วอยู่กับเตียง ทราวิสก็จะมีอำนาจเต็มในการบัญชาการรบแทนเขา โดยโบวีจะให้คนหามเขาออกไปนอกห้องพักเป็นครั้งคราวเพื่อให้กำลังใจพวกทหารอาสา และคอยพูดให้พวกเขาเชื่อฟังคำสั่งของทราวิส ระหว่างกองทัพเม็กซิโกปิดล้อมป้อมแอละโม (Siege of Alamo) ตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1836 ทหารอาสาในป้อมแอละโมจำนวน183 คน สามารถต้านทานกองทัพเม็กซิโกซึ่งมีจำนวนถึง 6,000 คนได้จนถึงวันที่ 6 มีนาคม ค.ศ.1836 ซึ่งกองทัพเม็กซิโกบุกเข้าโจมตีป้อมแอละโมอย่างหนักเป็นครั้งที่ 3 จนป้อมแตก ทำให้ทหารอาสาทั้งหมดในป้อมรวมทั้งโบวีเสียชีวิต หลังจากป้อมแอละโมแตกนายกเทศมนตรีของเมืองซานอันโตนิโอ ชื่อฟรานซิสโก รูอิส (Francisco Ruiz) พานายพลซานตา อันนาไปดูศพของโบวี ทราวิส และครอกเกตต์ พวกเขาพบโบวีนอนตายอยู่บนเตียงในห้องทางด้านทิศใต้ของป้อม ที่ศีรษะมีรอยกระสุนหลายแห่ง นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่จึงไม่เชื่อว่าโบวีเสียชีวิตขณะพยายามยิงปืนใหญ่ใส่ทหารเม็กซิโกตามที่บางตำนานเล่าไว้....คาสิโน
เจมส์ โบวีถูกทหารเม็กซิโกสังหารขณะอายุ ๔๐ ปี ในเวลาต่อมามลรัฐเทกซัสนำชื่อของเขามาตั้งเป็นชื่อเคาน์ตีและชื่อเมืองในมลรัฐนี้เพื่อเป็นเกียรติแก่เขา ได้แก่ โบวีเคาน์ตี (Bowie County) และเมืองโบวี (City of Bowie) ซึ่งอยู่ในมอนตากิวเคาน์ตี (Montague County).
(ผู้เขียน : กุลวดี มกราภิรมย์)

click to zoom

Scrimshaw บนด้ามมีด มาฝากครับ..
มีดเล่มนี้ เป็นมีดด้ามงา ฝักงา ...ใบมีดยาว 8นิ้ว
ใบมีดเหล็กดาม้สกัส
ช่างมีดเป็นช่างไทย......คาสิโน



ลุงคนนี้คือใคร classic ยังไงหว่า...เค้าคือ Col. James Bowie คุ้นๆบ้างรึยังครับ



มีดโบวี่ ก็มาจากเค้าคนนี้นี่เอง ในศึกอลาโม่อันโด่งดัง

เปนรูปแบบของมีดที่ยังมีทำออกมาขายกันเรื่อยมาจนทุกว ันนี้ คาสิโน

เนื่องจากเริ่มลำบากในการพกมีดในเป้ มีเป้ 3 ใบแต่พกมีดได้แค่สีเหลืองใบเดียว มาลงตัวที่เจ้านี่ครับใบยาว 8 นิ้วพกได้ทุกเป้.......คาสิโน
ใบมีดโดยลุงวิเชียร + ด้ามสำนักอมตะพี่อำนวย

โบวีดั้งเดิมต้องมีการ์ด(กันนิ้ว)ที่คอมีด.....คาสิโน


7 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ10 ตุลาคม 2553 เวลา 22:43

    www.bonus878.com บริการ24ชั่วโมง ไม่จำกัดจำนวนครั้ง

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ12 ตุลาคม 2553 เวลา 02:32

    www.dig888.com คาสิโนออนไลน์ บาคาร่า ฟุตบอล

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ12 ตุลาคม 2553 เวลา 20:50

    http://www.dig888.comเป็นเทคโนโลยีประหยัดพลังงาน สามารถนำไปกำหนดในส่วนหนึ่งของ แผนการอนุรักษ์พลังงานประจำโรงงานของท่านได้ ซึ่งมิใช่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจของท่านเท่านั้น แต่ยังเป็นประโยชน์ต่อการประหยัดพลังงานของประเทศโดยรวมอีกด้วย

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ19 ตุลาคม 2553 เวลา 21:36

    www.dig888.com ไทยโนเวชั่นขอเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหา ทางด้านการทำอนุรักษ์งาน และยินดีให้คำปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาต่างๆด้านพลังงานด้วยประสพการทั้งหมดที่เรามีจากการค้นคว้าและจากแหล่งที่มาของขอมูลที่เชื่อถือได้ และหวังว่าเราเราจะได้รับความไว้วางใจจากท่าน

    ตอบลบ
  5. www.dig888.com "รับออกแบบระบบ ประพลังงานโดยใช้ไดร์ Inverter VSD ในระบบอุตสาหกรรม และตึกสูง มีระบบเก่าแล้วไม่ประหยัดพลังงานบอกเรา เราจะออกแบบให้ โดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงระบบใหม่ เพียงแต่เพิ่ม ตัวควบคุมมอเตอร์ใหม่เท่านั้นเอง โดยสามารถ ใช้ได้ทั้งระบบ ปั๊มน้ำ Water Pump ,Air Compressor เครื่องอัดอากาศ ระบบปรับอากาศ Coolli Tower โดยมีการควบคุมระบบแบบอัตโนมัต

    ตอบลบ
  6. ขอบคุณครับ ได้ความรู้มากเลยฮธ

    ตอบลบ
  7. เหมือนๆ มีดซุยบ้านเราเนอะ

    ตอบลบ